ความสามารถส่วนตัว กับโลกอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน

อธิบายก่อนนะครับ ความสามารถพิเศษของผม ก็คือ ทักษะการเข้าใจจิตใจของมนุษย์ เช่น อ่านความคิด จับโกหก อันนี้สำหรับคนทั่วๆ ไป คงมองว่ามันเป็นความสามารถทางด้านจิตวิทยาแบบหนึ่ง ซึ่งก็ถูกครับ พื้นฐานความสามารถนี้ ใช้หลักจิตวิทยาล้วนๆ ซึ่งเทคนิคเช่น อ่านความคิด จะดูจากสีหน้า และคำพูด ของผู้พูด เพื่อจับความหมาย และสิ่งที่ผู้พูดต้องการสื่อ (ในขณะเดียวกันก็จับจุดขัดแย้งในคำพูด เพื่อจับโกหก) และดูสีหน้า น้ำเสียง ประกอบด้วย ทำให้ทักษะของผม ใช้กับคนทั่วไปได้ 90% เลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่จะไม่ใช้แบบนี้หรอกครับ จะใช้เพื่อให้รู้ว่า คนที่เราคุยด้วยตรงหน้า นิสัยเป็นยังไง และคำพูดนั้น น่าเชื่อถือมั้ย

เอาล่ะ แล้วโลกอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน มันเกี่ยวอะไรกับความสามารถในปัจจุบันของผมล่ะ? เกี่ยวเต็มๆ เลยครับ ทุกวันนี้ผมทำงาน และพบปะผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา แต่การพูดคุยนั้น จะเห็นแค่ข้อความเท่านั้น (ดีสุดก็คงน้ำเสียงโดยการพูดคุยผ่าน Voice Chat) มันเลยทำลายกลไกในการวิเคราะห์ของผมซะไม่มีชิ้นดี ทำให้ความสามารถนี้ของผม ใช้กับผู้คนบนอินเตอร์เน็ตไม่ได้ แรกๆ แต่หลังๆ (คงเพราะโดนหลอกมาเยอะ = =) ผมจึงใช้บางส่วน เช่น คำพูด และพยายามจินตนาการน้ำเสียง และสีหน้าเอาเอง แต่ 60% มักจะผิดพลาด แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมปลอดภัยได้ในระดับนึงในการเลือกคน ท่าทางจะต้องเรียนรู้เพิ่มแล้วสิเรา

วันเข้าค่ายของเด็กคนนึง (ต่อ)

เวลาตี 5 ครึ่ง ผมหลับค่อนข้างไม่สนิท หลับไปตื่นไป คงไม่ใช่เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเข้าค่ายหรอก ก็ยุงในห้องมันเยอะเหลือทน เมื่อตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ผมทำคือไปอาบน้ำซะ และเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษา ทั้งๆ ที่วันนี้วันเสาร์แท้ๆ พับแผ่สิ ผมมองกระเป๋าสัมภาระผมสำหรับค้าง 3 วัน 2 คืน ที่ผมนั่งแพ๊กไว้ตั้งแต่เมื่อคืน และตรวจสอบมันอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ลืมอะไรไป เมื่อตรวจจนแน่ใจแล้ว ผมหยิบมือถือของผมขึ้นมาเพื่อเชคอีเมล เนื่องจากไม่ค่อยอยากเสียเวลาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ซักเท่าใหร่ อีเมลหนึ่งฉบับเพื่อแจ้งโปรโมชั่นสินค้าโผล่ขึ้นมาที่หน้าจออย่างรวดเร็ว และเสียงการแจ้งเตือนว่ามี Facebook Comment โผล่มาทันทีที่ผมต่ออินเตอร์เน็ตในโทรศัพท์ เวลาเช้าๆ แบบนี้ เน็ตมือถือก็ไวเหมือนกันแฮะ ผมนั่งเล่น และคอมเม้นแซวเพื่อนอยู่ซักพัก จึงกดล๊อก แล้วใส่โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นผมก็แบกสัมภาระที่แสนจะหนักอึ้งออกประตูบ้านไป

ผมมาถึงป้ายรถเมล์ ที่เวลาเช้ามืดไม่ค่อยมีคนมากนัก ผมนั่งรออยู่ประมาณ 10 นาที รถเมล์สายที่ผมต้องการจึงวิ่งผ่านมา ผมเดินขึ้นไป และสังเกตุว่า บนรถไม่ค่อยมีคนมากนัก คงเพราะวันนี้วันหยุดละมั้ง ผมจ่ายตังให้กับกระเป๋ารถเมล์เสร็จ แล้วนั่งมองข้างทางตลอดเวลา เวลาเช้าๆ แบบนี้รู้สึกรถไม่ค่อยติด รถเมล์วิ่งไปเรื่อยๆ โดยหยุดพักตามป้ายบ้าง คิดแล้วก็บรรยากาศตอนเช้ามืดนี่ก็ดีไปอีกแบบ เพราะปกติผมตื่นขึ้นมาเพื่อไปมหาลัย ก็จะช่วงเวลาประมาณ 7 โมงพอดี ทำให้รถค่อนข้างเริ่มจะติดแล้ว สำหรับนักเรียนมัธยม คงถึงโรงเรียนสายอย่างแน่นอน แต่สำหรับผม 7 โมงยังเร็วไปด้วยซ้ำ เพราะวันจันทร์ – ศุกร์ เข้าเรียนวิชาแรกก็ 9 โมงเข้าไปแล้ว ทำให้ผมค่อนข้างมีเวลาเดินเล่นในมหาลัยพอสมควร ซึ่งห้องคอมพิวเตอร์ในตึกสาขาเดียวกับผม เป็นที่สิงสถิตย์ของผมกับหมู่เพื่อนๆ ในห้องเรียนเดียวกัน ซึ่งเพื่อนๆ ผมนั้น ชอบมานั่งเล่นเกมกันในเวลาเช้าๆ เพื่อรอเวลาเข้าเรียนวิชาแรก

รถเมล์มาถึงป้ายหน้ามหาลัยของผม ผมลงจากรถและเดินผ่านเข้ามหาลัยไป ผมมองทางข้างหน้าแล้วถึงกับท้อ เพราะตึกสาขาผมค่อนข้างใกลจากทางเข้าพอสมควร ซึ่งในเวลาปกตินั่น กระเป๋าผมจะมีแค่หนังสือ 2-3 เล่ม กับโน๊ตบุ๊กที่พกมาบางวันเท่านั้น แต่วันนี้เล่นแบกสัมภาระมาเพื่อไปเข้าค่าย ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทางเลยด้วยซ้ำ ผมเดินผ่านมหาลัยตอนเช้าๆ ไปเรื่อยๆ ผ่านกลุ่มนักศึกษาภาคเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งผมก็คงไม่เคยเจอพวกเขาอยู่แล้วเพราะเรียนกันคนละวัน เมื่อเดินมาประมาณ 5 นาทีจึงถึงตึกของคณะที่ผมเรียนอยู่ เห็นรถบัส 4 คันจอดรออยู่หน้าตึกสาขาผม และเพื่อนๆ ในห้องผมกำลังนั่งคุยกันอยู่ ผมเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนๆ ผมเพื่อทักทายตอนเช้า “เฮ้ย หวัดดี” กลุ่มเพื่อนผมที่นั่งเล่นกันอยู่ 6 คนหันมาทักทายตอบผม “หวัดดีตอนเช้าเว้ยแฮกเกอร์ มาๆ นั่งก่อน” คำเชิญชวนของเพื่อนผมที่จับกลุ่มเล่นเกมนกโกรธบน Tablet ทำให้ผมเดินไปนั่งด้วยอย่างเสียไม่ได้ ผมวางกระเป๋าลงข้างๆ ตัวและนั่งดู เพื่อนๆ เล่นกัน ซักพัก กลุ่มผู้หญิง 2 คนเดินผ่านมา เพื่อนผมคนนึงแซวผู้หญิงกลุ่มนั้น “ว่าไงสาวๆ วันนี้โดนน้ำมนต์หลวงพ่อ คงไม่ดิ้นนะ ฮ่าๆ” ผู้หญิงคนนึงเหมือนจะรู้ตัว หันควับมาด้วยสายตาอาฆาต “ชั้นไม่ใช่ผีนะ ไอบ้า” เพื่อนผมคงสนุกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิง เลยเกิดสงครามน้ำลายกันอยู่พักใหญ่ ทำเอาผมถอนหายใจเลย

วัน(ก่อน)เข้าค่ายของเด็กคนนึง

ถึงวันเข้าค่ายธรรมมะประจำปีอีกแล้วสินะ ผมบ่นในใจ ซึ่งเด็กที่ไม่ค่อยเข้าวัดอย่างผมนี่ จะเห็นเป็นเรื่องน่าเบื่อก็คงไม่แปลกนัก แต่ดูเหมือนปีนี้นอกจากเข้าค่ายธรรมมะที่วัดต่างจังหวัดตามปกติแล้ว จะเป็นการทอดผ้าป่าประจำปีด้วย (ไปพร้อมกันว่างั้นเถอะ) ผมจึงคิดแล้วหลับคาโรงอาหารของมหาลัยไปตามประสาเด็กไม่ได้นอนเพราะชอบเล่นคอมจนดึกดื่น บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยซองขนมห่อละ 5 บาท ที่กินแปปเดียวก็หมดซองซะแล้ว แต่อย่างน้อยๆ มันก็ช่วยรองท้องให้ไม่หิวจนกว่าจะกลับถึงบ้านตอนเย็นได้ละน่า

เสียงออดสัญญาณหมดพักดังขึ้น ผมตื่นมาในสภาพงัวเงีย จึงเดินไปล้างหน้าในอ่างล้างหน้าของห้องน้ำใกล้ๆ โรงอาหาร แล้วเดินขึ้นห้องเรียนไป ผมมองเห็นเพื่อนๆ ในห้องค่อนข้างไม่ค่อยมีใคร ผมถึงนึกขึ้นได้ว่า นี่ชั่วโมงอิสระนี่นา ไอเด็กเรียนทั้งหลายคงจะไปขลุกอยู่ที่ห้องสมุด ไม่ก็ไปเข้าชมรมกันหมดแล้วมั้ง ผมวางหนังสือลงข้างๆ โต๊ะผม แล้วหยิบมันขึ้นมาอ่านเล่นแก้เซง เพราะข้อสอบปลายภาค เห็นล่ำลือกันว่า โหดไม่ใช่เล่น “โย่ ว่าไงแฮกเกอร์” เสียงของเพื่อนที่เดินเข้ามาในห้องดังขึ้น ฉายาในห้องเพื่อนๆ เรียกผมว่า แฮกเกอร์ ก็คงไม่แปลก ที่ผมชอบแฮก Wireless โรงเรียนมาเล่นฟรี กับทำ netcut ห้องอื่นเพื่อให้ห้องตัวเองเล่นเน็ตไวๆ “เออ หวัดดีตอนบ่าย” “พรุ่งนี้ก็เข้าค่ายธรรมมะแล้วนะแฮกเกอร์ จะไปทั้งทีทำไมต้องไปวันเสาร์ด้วยก็ไม่รู้เนอะ” “นั่นสิ กรูอยากหยุดอยู่บ้านนั่งเล่นเฟสเฉยๆ จริงๆ” การสนทนาถึงเรื่องเข้าค่ายธรรมมะวันหยุดนี้ ทำให้ผมยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ เพราะแทนที่เสาร์ อาทิตย์ จะได้หยุดอยู่กับบ้าน ดันต้องมาเข้าค่ายซะนี่ ผมเลยถอนหายใจพลางเปิดหนังสือหน้าต่อไป หนังสือวิชาโครงสร้างนี่ ถึงผมจะเก่งคอมแค่ใหน แต่บางเรื่องก็พาเอางงได้เหมือนกัน

เวลาผ่านไปเท่าใหร่ไม่รู้ เสียงออดดังขึ้น ผมมองนาฬิกา เป็นเวลาบ่าย 2 โมงตรง นั่นหมายถึงเวลาเลิกเรียนของผม ผมมองเข้าไปหลังห้อง เห็นเพื่อนๆ 5-6 คนกำลังเล่นเกมบน Notebook ที่ตัวเองพกมาอยู่โดยไม่สนใจเสียงออด ผมเลยแบกกระเป๋าตัวเอง แล้วเดินออกนอกห้องเพื่อกลับบ้านนอนซักที จะได้ไม่หลับคาวัดให้ขายหน้าเขาในวันพรุ่งนี้ หลังจากเดินออกมานอกมหาลัย หน้าป้ายรถเมล์เริ่มคนเยอะ เต็มไปด้วยนักศึกษาจากมหาลัยผมที่เลิกเรียนในเวลาเดียวกันมาคอยรถ เวลาบ่ายๆ แบบนี้รถเมล์ใน กทม รอไม่ค่อยนานเท่าใหร่ เมื่อสายที่ผมต้องการมาแล้ว จึงขึ้นไปนั่งหลับบนนั้นต่อ แต่ก็ไม่ได้หลับสนิทนัก ไม่งั้นคงได้นั่งรถเลยป้ายแน่ๆ ผมมองข้างทางไปเรื่อยๆ บรรยากาศในตัวเมืองกรุงนั้นค่อนข้างวุ่นวาย และรถติดนี่ ยิ่งทำให้ผมหัวเสียหนักขึ้นไปอีก ไม่รู้เพราะรถคันแรกหรือเปล่า ที่ปล่อยรถมาเต็มถนนแบบนี้ ค่านิยมคนสมัยนี้ก็นะ ทำไมต้องมีบ้านแล้วต้องมีรถกันด้วย ขนส่งสาธารณะก็มี ผมคิดไปพลางถอนหายใจไปด้วย หลังจากนั้น ผมจึงหยิบโทรศัพท์ของผมมาต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อเชคอีเมล และเฟชบุ๊ก แต่ความเร็วอินเตอร์เน็ตที่โชว์ในหน้าจอนั้น ทำเอาผมหัวเสียหนักเข้าไปอีก ผมจึงกดล๊อก แล้วเก็บมันเข้าไปในกระเป๋าแบบเดิม

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง รถเมล์จึงพาผมมาส่งที่ป้ายหน้าปากซอยบ้านผม เดินไม่กี่นาทีจึงเข้ามาถึงบ้าน ผมจึงล้มตัวนอนลงโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุด ความง่วงพาผมหลับไปโดยง่ายดาย เนื่องจากค่อนข้างเหนื่อยกับการอ่านหนังสือสอบ กับการเรียนมาทั้งวันแล้ว (เอาเข้าจริงก็แบบนี้ทุกวันแหละ)

AuditionPVS 6188 (Programmer’s cut)

สวัสดีครับ วันนี้จะมาขอทำ Programmer’s cut ซักหน่อย (หมายถึง สิ่งที่โปรแกรมเมอร์ต้องการจริงๆๆ) ทุกวันนี้แพชที่ออกมาใน AuditionPVS เป็น Producer’s cut (สิ่งที่คนปล่อยแพชต้องการ) เอาล่ะ เรามาดูกันว่า 6188 จริงๆ แล้ว มันควรมีอะไรบ้าง

Read more

มารายงานตัว

เดือน กพ แล้วสินะ….

เดือนแห่งความรัก หรอ? ที่เราไม่ค่อยจะมีใครเหมือนเดิม… เอาเถอะ ลั่ลล้าไปตามประสาแหละดีแล้ว อ้อ จุดประสงค์วันนี้คือ มารายงานตัวเพื่อทีื่จะบอกว่า เจ้าของบล๊อกยังไม่ตายยยยย แต่ถ้าเป็นบล๊อกยาวๆ จะมาเขียนที่นี่แทน ซึ่งสามารถติดตาม Mini Blog ในเฟสบุ๊กผมได้คร๊าบบ

http://www.facebook.com/nProtect

เรื่องราวของผมส่วนใหญ่ จะเป็น Mini Blog ซะมากกว่านะ แบร่