เมื่อฤดูหนาวมาเยือน

ให้ตายสิ ปากพาจนจังนะเรา พูดว่าเมื่อใหร่จะหนาว พอนอนแล้ววันต่อมาเท่านั้นแหละ หนาวจนสั่นอาบน้ำไม่ได้เลย ฮ่าๆ

DCIM100MEDIA

ป.ล รูปนี้ไม่เกี่ยวอะไร ถ่ายมาลงประกอบบรรยากาศเฉยๆ (เอาจริงๆ ก็ถ่ายมานานแล้ว)

หลังจากหนาวนี้ ก็ไม่รู้อะไรนักหนา ได้แผลมาเพิ่มอีก 2 แผล แผลในปาก กับ แผลที่ขา เพราะเดินไปเตะอะไรเข้าจนเลือดคั่ง ต้องเอามีดมากรีดเพื่อเอาเลือดที่คั่งออก -_- ดีนะมันไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่โดยรวมแผลก็คงไม่เป็นอะไรมาก ร่างกายจัดการได้อยู่แล้ว แต่หลายแผลพร้อมกันแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ทรมาณชิบ!!!

แถมๆๆๆ ภูมิแพ้ยังมากำเริบเอาง่ายๆ เพราะอากาศมันแห้งอีก เอาเข้าไป นอนอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่ามั้ยเนี่ย

ทำดีไม่หวังผลตอบแทน มีจริงบนโลกนี้หรือ?

มาต่อกับเอนทรี่ ที่ผมเกริ่นไว้ในคราวก่อนกันนะครับ

สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ อาจขัดใจพวกโลกสวยหลายๆ คน เพราะฉะนั้น ถ้าคิดว่าตัวเองโลกสวย กด X ทางขวามือออกไปเลยครับ

เอาล่ะ เข้าเรื่องจริงๆ ซักที มุมมองนี้เป็นเฉพาะมุมมองของผมคนเดียว เพราะฉะนั้น อาจผิดพลาดไปบ้างนะครับ ปรัชญาที่หนึ่งกล่าวไว้ว่า ทุกคนเกิดมาเป็นคนชั่ว การทำดีจึงเป็นสิ่งที่เหมือนของปลอม (ราวๆ นี้แหละจำได้ไม่หมด -_-) นั่นก็ถูกของเขาครับ มนุษทุกคนไม่รู้จักพอผม มีกิเลสตัณหา อยากจะหาสิ่งของนอกกายมาเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง (ผมก็เป็นมนุษเดินดินคนนึง แบบนี้ก็ต้องเป็นครับ) เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกัน จริงหรือ ที่คำว่า ทำดีหวังผลตอบแทนนั้น ไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้ เรื่องนี้คือเรื่องจริงครับ อย่างน้อยๆ เวลาคุณช่วยเหลือใคร คุณก็หวังคำว่าขอบคุณแล้วถูกมั้ยครับ? หรือจะเถียง?

เพราะฉะนั้น คำนี้ถึงไม่มีจริงบนโลกนี้ตามความคิดของผมไงครับ ตามสัญชาติญาณมนุษแล้ว ทุกคนทำเพื่อตัวเองทั้งนั้นครับ แต่เพราะไม่ว่าจะเป็นคำสอนจากคนรุ่นก่อนๆ ศาสนา กฏหมายบ้านเมือง หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรา รู้จักช่วยเหลือคนอื่นในสังคม ทำให้สังคมของคนเรานั้นไม่วุ่นวายหรือเกิดกลียุคขึ้น

แต่ถึงหัวข้อผมจะเกริ่นแบบนั้น ผมก็ยังสนับสนุนให้ทุกคนทำดี ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่เราพอจะช่วยได้ (มายืมตังก็ขอบายนะครับ!) แต่ผมคิดว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มีคนดี 100% ในโลกของเราได้ แต่ จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด คือตัวของเราเอง ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ผมก็ยังขอทำตามเจตนารมณ์ของผมต่อไป ถึงจุดยืนอาจมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่หลักๆ เนื้อหายังคงเหมือนเดิมครับ

เธอไม่มีเวลาหรือผมว่างมากเกินไป

เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะเขียนหรอกเรื่องนี้ (แต่ก็เขียนจนได้นะแก) แต่ถ้าเก็บไว้ มีแต่จะทำให้ผมเครียดซะเปล่าๆ แต่ก็นะ ดึกขนาดนี้จะไปรบกวนใครเขามาฟังปัญหาชีวิตก็คงใช่เรื่อง (เช้าแล้วแหละไม่ใช่ดึก) แต่ผมว่า ถ้าคนอ่านมาอ่านๆ เรื่องนี้เข้า คงจะบ่นอุบแหงๆ ว่ามุงจะเล่าแต่เรื่องเดิมๆ ทำไมวะ = = แล้วก็คงจะเมินหน้าหนี แต่เอาเถอะ ถ้ามีเหตุการทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อย ก็จะเขียนบ่อยขึ้น (เอ๊ะ ยังไง?) ยังไงผู้อ่านก็อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนล่ะ ฮ่าๆ (กด อ่านต่อ เลย เดี๋ยวรกหน้าแรก)

Read more

ความทรงจำสีจาง กับรูปถ่ายหนึ่งใบ

เช้านี้ไม่รู้มีอารมณ์ศิลปินยังไง ถึงมานั่งเขียนบล๊อกได้เนี่ย ฮ่าๆ ความจริงวันนี้นั่งจัดห้อง แล้วเอากระเป๋าผ้าที่แขวนไว้เก็บของจิปาถะทั้งหลายข้างๆ จอมอนิเตอร์ผมไปซัก แล้วรอมันแห้งแค่นั้นเอง แต่กระเป๋าก็นะ กันน้ำผ่าน มันเลยแห้งยากซักหน่อย สภาพของที่เคยอยู่ในกระเป๋า นอกจากขนไปทิ้งบ้างแล้ว ยังกองๆ สุมๆ กันอยู่บนที่นอนอยู่เลย (กรูจะได้นอนมั้ย??) เอาล่ะ นอกเรื่องกันมาละ เข้าเรื่องๆๆ

คุณเคยมีเพื่อนแบบนี้มั้ยครับ? คนที่ไม่สามารถนึกเรื่องราวต่างๆ ออกมาเป็นภาพได้ ไม่สามารถจินตนาการอะไรออกมาเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ ใช่ครับ ผมเป็นคนประเภทนั้น ผมอาจมีปัญหานิดหน่อย ทำให้สูญเสียความสามารถในการดึงภาพจากความทรงจำออกมา และไม่สามารถจินตนาการอะไรออกมาเป็นภาพได้ แต่ถ้าเป็นเสียง หรือพวกข้อมูล พวกตัวหนังสืออะไรพวกนี้ ไม่มีปัญหาครับ

หลายคนอาจคิดว่าดี แต่สำหรับผม มันทรมานสุดๆ ครับ เพราะรู้ว่าพ่อแม่ตัวเองหน้าตาเป็นยังไง แต่ไม่สามารถนึกหน้าท่านออกมาได้ ถ้าไม่ดูรูปถ่าย และหน้าตาของเพื่อน คนรัก ประมาณว่า ผมรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง แต่ก็นึกออกมาให้เห็นภาพไม่ได้ หลายๆ คนคงจะร้องอ๋อแล้วว่า ทำไมผมถึงชอบถ่ายรูป และอยากถ่ายรูปเก็บไว้ให้มากที่สุด ใช่ครับ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ลืมหน้าเพื่อนคนสำคัญ คนรักของผม และคนอื่นๆ

ตอนนี้หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ในเมื่อผมมองไม่เห็นภาพในจินตนาการ ทำไมผมถึงวาดรูปสวยจัง พวกเมะ การ์ตูน? อันนั้นมีคำตอบครับ ความจริง ผมเป็นคนไม่ค่อยเก่งวาดรูปนัก แต่ในเมื่อผมอยากจะวาดเล่นๆ เก็บไว้ แต่หัวก็จำอะไรที่เป็นภาพไม่ได้เลย เลยต้องเปลี่ยนเทคนิคการจำนิดหน่อย เช่น ค่อยๆ วาดไปทีละส่วน โดยใช้วิธีจำว่า เส้นตรงนี้ลากไปทางซ้ายประมาณกี่ข้อนิ้ว โค้งประมาณใหน ซึ่งคล้ายๆ กับวิธีลอกลายออกมาจากแบบดีๆ นั่นแหละ ถ้าคนเห็นผมวาด (ซึ่งคงไม่มี) ก็จะเห็นว่าผมหันไปมองแบบบ่อยๆ ลาก 1 เส้นหันไปมองแบบ 3-4 รอบ (เพราะจำเป็นภาพไม่ได้ เลยจำเป็นประมาณว่า เส้นนี้ลากไปทางใหน ถึงตรงใหน)

ด้วยเทคนิคการจำแบบเส้น ทิศทางของเส้น ทำให้พอทดแทนความสามารถในการจำภาพที่สูญเสียไปได้ ซึ่งถ้าจินตนาการ มันก็จะออกมาคล้ายๆ เส้นร่างในพิมพ์เขียวของ AutoCAD นั่นแหละครับ โดยการลากเส้นไปๆ มาๆ บนกระดาษจนเกิดเป็นรูปขึ้นมา แต่ก็เป็นภาระกับสมองผมจริงๆ เพราะกว่าจะนึกแต่ละรูปได้ ลากแล้วลากอีก ฮ่าๆ

รูปถ่ายหนึ่งใบที่เก็บไว้ในกล่องๆ หนึ่ง สิ่งที่ผมจะทิ้งก็เสียดาย จะเก็บไว้ก็ไม่อยากเก็บ อยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลายๆ คนคงจะเป็นแบบผมกัน รูปถ่ายใบนั้นอาจจะสำคัญกับผมมากจนไม่อยากทิ้ง หรือบางที มันก็เป็นรูปถ่ายของคนที่ผมเกลียดที่สุด ที่ผมอยากจะทิ้งๆ มันไป ไม่รู้สิ ผมเองก็ไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ แต่ก็นะ ผมก็คงไม่มีวันเปิดมันออกมาดูอยู่แล้ว (นอกจากหยิบของที่จำเป็นจากกล่องที่ว่า พอดีเก็บนามบัตรไว้ในนั้น)
รูปถ่ายใบหนึ่ง ที่เคยเปลี่ยนให้ผมเป็นอีกคนหนึ่ง
รูปถ่ายใบหนึ่ง ที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน
รูปถ่ายใบหนึ่ง ที่เคยมีความทรงจำต่างๆ ร่วมกัน

ถึงผมอยากจะลืมมันไป แต่พี่ชายผมก็บอกว่า….
จะลืมไม่ได้เด็ดขาดนะ เพราะถ้าเราลืมมันไป ก็เท่ากับเราไม่ยอมรับในอดีตของตัวเอง และถ้าเราไม่มีอดีตของเรา เราก็จะไม่มีปัจจุบัน และอนาคต เพราะอดีตคือบทเรียน ปัจจุบันคือสิ่งที่เราเลือก อนาคตคือบทเรียน รวมกับสิ่งที่เราเลือก รวมเป็นอนาคตของตัวเอง คนที่ไม่ยอมรับในอดีตของตัวเอง ก็เหมือนไม่ยอมรับในตัวตนของตัวเอง เพราะฉะนั้น น๊อตห้ามลืมมันไปเด็ดขาด

มารายงานตัว

หลังจาก จขบ หายหน้าหายตาไปนานพอสมควร ยังอยู่ดีครับ ไม่ได้ตายอย่างที่หลายๆ คน (?) แช่งกันมานักหนาหรอก ฮ่าๆ

เรื่องอื่นๆ ยังไง สำหรับท่านที่ิติดตาม จะทยอยมาเขียนต่อเพิ่มให้ครับ แต่ไม่รู้จะมีอารมณ์มาเขียนต่อหรือเปล่านะ -.-