Archive for อื่นๆ ไม่เข้าพวก

ชีวิตหลังแยกย้ายหน่วยทหารเรือ ตอนที่ 2

เอาล่ะ มาต่อกันครับ หลังจากที่ผมมาตก กพ แล้ว อย่าคิดว่าจะสบายอย่างที่เห็นนะครับ เรื่องเน่าๆ บนกราบพัก กพ เยอะครับ น้องๆ ที่คิดจะมาอยู่นี่ คิดใหม่นะครับ

เดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดครับ อยู่ในนี้ พี่แกจะเน้นระบบอาวุโสเหมือนรับน้องสมัยมหาลัย แต่หนักกว่าครับ นี่ขนาดผมมองโลกในแง่ดีสุดๆ แล้วนะเนี่ย คือหาเรื่องแดกได้ทุกวัน รุ่นพี่บ้าอำนาจสุดๆ เรื่องงานไม่เท่าใหร่หรอกครับ เครียดเรื่องพี่ๆ แกมากกว่า ทำดีให้ตายแค่ใหนพี่แกก็หาเรื่องมาแดกอยู่ดีครับไม่ต้องกลัวหรอก

เรื่องกฏนี่ รุ่นพี่อบรมเราทุกวัน แต่รุ่นพี่ก็ปหกกฏซะเองแบบนี้ มันน่านับถือตรงใหนเนี่ย เช่น บอกห้ามใส่รองเท้าเข้ากราบพัก แต่ผมมองที่เท้าพี่แก รองเท้าชัดๆ

ไปๆ มาๆ กลายเป็นบ่นเรื่องรุ่นพี่ซะละ แต่ยังไม่หมดนะ เรื่องทำความสะอาด เอาจริงๆ ถ้าพี่ทุกคนที่นอนอยู่ช่วยกันคนละนิดมันจะไวกว่าเยอะ แต่นี่ให้รุ่นน้องทำอย่างเดียวเลย คิดกันเป็นมั้ยเนี่ย จิตวิทยาการปกครองคนก็ไม่มีกันเลย

จบเรื่องรุ่นพี่ก่อน มาเรื่องงานแผนกบัญชีพลบ้าง งานก็ไม่ค่อยอะไรมาก เซ็นรับเอกสารกองเท่าภูเขาอย่างเดียว กับตรวจสอบเอกสารดีๆ วันแรกผมก็พลาดมาละ แล้วก็ช่วยงานคนอื่นๆ นิดหน่อย อาจจะไม่ค่อยลำบากมาก เหมือนงานออฟฟิตทั่วๆ ไป แต่โดยรวมแล้วผมไม่ค่อยเต็มใจมาเท่าใหร่ ทำให้จิตใจผมเกิดอาการต่อต้านอย่างอ่อนๆ ทำให้รู้สึกเหมือนทำงานไปวันๆ ซะมากกว่า ส่วนงานที่ pvs หรอ ลำบากแค่ใหนก็สู้ตายครับ เพราะงานที่รัก ผมสู้ทุกอย่างต่อให้ลำบากแค่ใหน

ไปๆ มาๆ กลายเป็นบ่นซะละ มีแค่นี้แหละครับ แฮ่ ขอตัวไปทำงานต่อละ

หลังจากการเป็นทหารเรือกว่า 1 เดือน

กว่าจะได้มาเขียนบล๊อกแชร์ประสบการ เล่นเอาเหนื่อย อีกแปปเดียวผมก็จะกลับค่ายแล้ว วันที่ 18 นี้แหละ เอาจริงๆ ก็มีไดอารี่ที่ผมเขียนอยู่ทุกวัน แต่ไม่กล้าเอามาลง อาย 555555+ พอมาอ่านย้อนอีกที ก็มัวแต่คิดว่า กรูเขียนอะไรไปวะ แต่ก็มีความทรงจำเก็บไว้ในนั้นเหมือนกัน เอาล่ะ เข้าเรื่องก่อน

การเป็นทหารเรือ อย่างน้อยก็ลำบากน้อยกว่าเหล่าทัพอื่นๆ (แต่ก็ถือว่าหนักสำหรับคนร่างกายไม่ดีแบบผมอยู่ดี)

การฝึกนั้น จะแยกเป็นสองเดือน

เดือนแรกนั้น จะเป็นการฝึกท่าทหารราบ คือท่าซ้ายหัน ขวาหัน ขออนุญาตผ่าน ขอเข้าพบผู้บังคับบัญชา ฯลฯ เอาง่ายๆ คือเรื่องระเบียบพื้นฐานนั้นแหละ ส่วนเดือนสองนั้น จะเป็นการฝึกท่าปืน พวก วันทยาวุธ เรียบอาวุธ ท่านั่งยิง นอนยิง (ผมไม่ได้ออกไปฝึกกับเขาเลยซักครั้ง…..)

ทหารเรือนั้น หลังจาก 4 โมงแล้ว จะมีร้านค้าที่เรียกว่า “แผง” ให้เราไปเดินชอปปิ้งกันครับ จะซื้อข้าว ซื้อของกิน ขนม ของฝาก ของใช้ส่วนตัว มีขายหมดครับ ส่วนเรื่องโรงเลี้ยงนั้น สมชื่อสุนัขไม่รับประทานจริงๆ ครับ กินแล้วขี้พุ่งกันเป็นแถบๆ

ส่วนเรื่องความเป็นอยู่นั้น ถามว่าเป็นยังไง? สำหรับผมถือว่าเครียดพอสมควร กว่าจะปรับตัวให้ชินได้ก็ใช้เวลาอยู่ครึ่งเดือน ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนปรับตัวง่ายแล้วนะ แต่มาอยู่แบบไม่เต็มใจนี่ มันทำใจให้ชินยากจริงๆ ครับ

วันนี้ไม่ค่อยมีเวลา มาเล่าแค่นี้ก่อนละกันครับ

ใบแดง ชีวิตจบ (หรือเปล่า?)

เอาหละ ผ่านการเกณฑ์ทหารซักที ผลที่ได้คือ ทร.1 ทภ.2 วินาทีนั้น…… หน้านิ่งมาก เหมือนคนไร้ความรู้สึกสุดๆ ฮาาาา แต่แม่บอกยังโชคดีแหละที่ได้ทหารเรือ เพราะมีคนรู้จักอยู่ข้างในนั้นเยอะ แต่ไม่รู้จะช่วยได้มากน้อยขนาดใหน แต่เอาเถอะ พึ่งตัวเองก่อนดีที่สุด ไม่รู้ทำไมหนอ เลือกทางเดิน (แบบบังคับ) มาให้ผมแต่ละอย่าง ต้องเลือกแบบนี้ให้ผมด้วยนะ ถ้าไม่ได้รับราชการต่อ (กะว่าจะสอบนายสิบ // แม่บอก) ก็เท่ากับเสียเวลาในชีวิตไปฟรีๆ สองปี แต่ก็ต้องลองดู ผมยิ่งไม่ใช่คนชอบเสี่ยงซะด้วยสิ ชอบความแน่นอนมากกว่า คงต้องหาข้อมูลมากกว่านี้ซะแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านที่โคราช นั่งเอาโน็ตบุ๊กพิมพ์ต๊อกแต๊กเอา แหะๆ

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่เข้าใจชีวิตตัวเองอยู่ดี ได้แต่ถามตัวเองว่า “มันดีแล้วหรอ?” ตอนนี้อยู่ในสภาวะสับสนในตัวเองอย่างแท้จริง ในใจก็สับสนอย่างมากๆๆๆๆๆ ถึงหน้าจะไม่ค่อยแสดงความรู้สกออกมาก็เถอะ เพราะมันตายไปตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว (ไว้จะมาเล่าให้ฟังทีหลังว่าทำไม) แม้แต่คนรอบข้างก็อาจจะไม่เข้าใจ แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ได้ขอให้ใครมาเข้าใจอยู่แล้ว เรื่องทหารนี่ ไว้จะมาแชร์ประสบการให้ฟังกันทีหลัง หลังจากฝึกเสร็จสองเดือนแล้วอ่ะนะ

เรื่องแฟน ถึงเขาจะกลับมาแล้ว ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ดี ถึงใจจะให้อภัยเขาก็เถอะ แต่ยังรู้สึกเหมือนเขามีใครอีกคน ไม่ก็เขาไม่ค่อยจะรักเราแล้วเท่าใหร่ คุยก็ถามคำตอบคำ อยากเจอก็ไม่ว่างซักที ไม่รู้จัดระเบียบเวลายังไงของเขา ทั้งๆ ที่ผมอยากเจอมาก ซึ่งผมคงไม่ได้เจอเขาเลยอีกเต็มๆ สองปี ทำไมผมถึงไม่มีสิทธ์ล่ะ???? เขาไม่อยากเจอผมแล้วหรือยังไง?? คิดแล้วเครียดยกกำลังสองจริงๆ อุส่าหมดห่วงเรื่องงาน PVS แล้ว ก็ยังต้องมาเป็นห่วงเรื่องเขาเนี่ย ถ้าเขายังเป็นแบบนี้อยู่ ผมก็คงฝึกทหารแบบสบายใจไม่ได้แน่ๆ ให้ตายสิ ก็หวังว่าเขาคงจะรู้ตัวซักทีนะ เพราะตอนนี้ผมก็ไม่อยากมีคนอื่นอีกแล้ว รักเขามาก ทุ่มให้ทุกอย่างแบบหมดหน้าตัก (พี่ผมสอนให้รักแฟนตัวเอง ให้เหมือนว่าเขาคือแฟนคนแรกเสมอ ให้เขาเต็ม 100 อย่ากั๊ก) แต่ก็นะ เขาก็เป็นเอาซะแบบนี้ เหนื่อยใจดีแท้

คิดพล๊อตเรื่อง ลูกแก้วปีศาจ

หลังจากแต่งมาได้ประมาณ 13 หน้าแล้ว มีอันต้องรื้อบทแก้ใหม่ในฉากที่พระเอกพบกับนางเอกครั้งแรกนิดหน่อย เนื่องจากมันดูขัดๆ กับความเป็นจริง ถึงปฏิกริยาที่พระเอกพบกะคนที่เจอเป็นครั้งแรกบุกถึงห้องนอนตัวเอง -_-

สำหรับเรื่องนี้ จะแทรกข้อคิดอะไรหลายๆ อย่างไปด้วย อย่างเช่นเล่มแรก จะสอนเรื่อง ยอมรับในความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่ได้มาด้วยวิธีโกง (ขอจากลูกแก้วปีศาจ ตามชื่อ)

สำหรับนางเอกนั้น ฉากที่เจอกัน จะเป็นฉากที่นางเอก ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ผู้พิทักษ์ลูกแก้ว มาขอชิ้นส่วนของมันที่ตกมายังโลกมนุษย์คืนไป (แต่ดันมาตอนกลางคืน ที่พระเอกนอนอยู่ -_-) หลังจากนั้น นางเอกก็ขอให้ช่วยเธอตามหาด้วย แต่ก็นะ ผู้พิทักษ์อีก 4 คน (รวมนางเอกเป็น 5 คน) ก็ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อตามหาเช่นกัน แต่ในลักษณะแยกกันหา ที่เหลืออีก 2 คนทำหน้าที่เฝ้าส่วนที่ยังไม่ตกลงมา ส่วนนางเอกกับพระเอก อยู่บ้านเดียวกัน = =

พระเอกเลยสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นคนช่วยนางเอกหาด้วย เลยบอกคร่าวๆ ว่า ปู่ทวดของเขา ก็เคยทำงานนี้แบบเดียวกันมา (เท่ากับว่า นางเอกเคยเป็นบัดดี้ของปู่ทวด) เลยโดนพระเอกแซวเรื่องคุณย่าทวดไปพักหนึ่ง (นางเอกอายุกว่า 200 ปีแต่หน้าตา รูปร่างเหมือนคนอายุ 17 เอง)

หลังจากผ่านเล่ม 2 มาแล้ว (เรื่องนี้ สอนเรื่องการยอมรับความเป็นจริงในปัจจุบัน เพราะคนเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้) มาถึงเล่ม 3 ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาว นางเอกก็เข้ามานอนเล่นและอ่านมังงะในเตียงของห้องนอนพระเอก (ขณะที่เขาก็เล่นคอมไปเรื่อยๆ) พระเอกก็เลยอยากให้เธอเล่าเรื่องสมัยปู่ทวดให้ฟัง เธอก็ลังเลอยู่ซักพัก ก่อนจะเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง

ตอนนี้คิดพล๊อตไว้แค่นี้แหละ ต่อไปก็ความสามารถของเหล่าผู้พิทักษ์ ซึ่งเป็นนางฟ้าจากสวรรค์ ขนาดอยู่บนโลกมนุษย์ซึ่งมีกำไลผนึกพลังไว้ ยังมีแรงพอที่จะชกกำแพงทะลุ หรือยกของหนักกว่าตัวเอง 10 เท่าได้สบายๆ (ที่ขนาดผนึกไว้ให้พลังเหลือแค่ 10% แล้วนะ)

โดยแต่ละคน จะมีเวทย์แตกต่างกันไป เพื่อใช้ต่อสู้กับคนที่จะมาแย่งชิงลูกแก้วนั่นแหละ โดยนางเอกจะเป็น สายป้องกัน ซึ่งมีความสามารถในการปกป้องเพื่อนร่วมทีม (ตัวแท้งค์นั่นแหละ) แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีท่าโจมตีเลย ซึ่งท่าโจมตีของเธอ (ซึ่งเธอไม่อยากจะใช้ เพราะมันทำให้พี่น้องของเธอโดนลูกหลงเป็นประจำ) เป็นคนเดียวที่การโจมตีทั้งหมด เป็นลักษณะ AOE (Area of Effect) คือ มีระยะหวังผลค่อนข้างกว้าง โจมตีได้ทีเดียวหลายเป้าหมาย และรุนแรงพอสมควร ในขณะที่พี่น้องคนอื่นๆ ของเธอ จะออกสายโจมตีเดี่ยวซะส่วนมาก (คนนึงเป็นธนูแสง เน้นระยะกลางถึงไกล คนนึงเป็นดาบ เน้นระยะประชิด คนนึงก็สายเวทย์ บลาๆ)

แต่บทโดยส่วนใหญ่ ก็จะเป็นนางเอกแหละนะ พี่น้องคนอื่นๆ โดยรวมแล้วไม่ค่อยมีบทซักเท่าใหร่ แต่ก็จะโผล่มาคอยช่วยเหลือนางเอกบ้าง แต่ไม่ต้องกลัวครับ โผล่ครบทุกคนแน่นอน

แต่มีอยู่ฉากนึง ซึ่งปีศาจตัวจริง แต่มีสถานะเป็นรองบอส ปรากฏตัวออกมาเป็นครั้งที่สอง (ครั้งแรกไม่ทันตั้งตัว เลยสู้ไม่ได้) เธอ (นางเอก) ตัดสินใจทำลายผนึกพลังของเธอเพื่อต่อสู่ด้วย ทำให้พลังวิญญาณในฐานะเทพของเธอกลับเป็น 100% ทันที ก่อนที่จะให้น้องสาวของเธอ พาพระเอกหลบไปให้ห่างจากระยะของเวทย์มนต์เพื่อป้องกันลูกหลง และคอยช่วย support

ท่าที่ผมชอบที่สุด เหมือนจะเป็นท่าชื่อ Heaven Ray (ช่วยคิดชื่อภาษาไทยให้ทีครับ -_-) ซึ่งเป็นท่าเดียวที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระยะ “ป้องกันไม่ได้” และจะไม่มีผลต่อข้าวของรอบๆ (มีผลเฉพาะต่อสิ่งมีชีวิต และวิญญาณเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะทำของรอบๆ พัง เพราะเหตุนี้ มันเลยทะลวงการป้องกันทุกชนิดเข้าไปได้) โดยสิ่งมีชีวิต หรือวิญญาณที่อยู่ในระยะของท่านี้ จะถูกทำลายและแตกสลายไปในทันที แม้แต่พี่น้องของตัวเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่แลกมาด้วย การใช้พลังที่สูงมาก (ใช้ท่านี้ทีเดียว ก็ไม่เหลือพลังต่อสู้แล้ว พลาดคือจบ) เธอจึงใช้ตอนที่แน่ใจว่า ไม่มีคนที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ในระยะของท่า และสามารถจัดการกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้เท่านั้น

แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่กับพี่สาวคนโตของเธอ ซึ่งเป็นเวทย์ชนิด สาป หากพี่สาวของเธอทำตัวเอง หรือเป้าหมายให้กลายเป็นหิน จะทำให้ท่าของเธอไม่มีผลต่อเป้าหมายนั้นทันที เพราะถือว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เธอก็ไม่ได้ออกโรงเพราะต้องแยกไปตามหานั่นแหละ

เธอใช้ท่านี้จัดการปีศาจที่อยู่ในสถานะ “รองหัวหน้า” ได้ แต่ก็ไม่แตกสลายไปทันทีเพราะปีศาจพลังวิญญาณสูงมาก น้องของเธอดูออกก็เลยตามมาซ้ำ ก่อนที่จะเกริ่นถึงบอสใหญ่ ซึ่งตอนนี้พี่น้องทั้ง 7 คนออกมาต่อสู้ร่วมกัน (ช่วงนี้พระเอกไม่ค่อยมีบท)

แต่ก็นะ คิดไว้แค่นี้ก่อน 66666+ เรื่องยาวละ

เมื่อฤดูหนาวมาเยือน

ให้ตายสิ ปากพาจนจังนะเรา พูดว่าเมื่อใหร่จะหนาว พอนอนแล้ววันต่อมาเท่านั้นแหละ หนาวจนสั่นอาบน้ำไม่ได้เลย ฮ่าๆ

DCIM100MEDIA

ป.ล รูปนี้ไม่เกี่ยวอะไร ถ่ายมาลงประกอบบรรยากาศเฉยๆ (เอาจริงๆ ก็ถ่ายมานานแล้ว)

หลังจากหนาวนี้ ก็ไม่รู้อะไรนักหนา ได้แผลมาเพิ่มอีก 2 แผล แผลในปาก กับ แผลที่ขา เพราะเดินไปเตะอะไรเข้าจนเลือดคั่ง ต้องเอามีดมากรีดเพื่อเอาเลือดที่คั่งออก -_- ดีนะมันไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่โดยรวมแผลก็คงไม่เป็นอะไรมาก ร่างกายจัดการได้อยู่แล้ว แต่หลายแผลพร้อมกันแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ทรมาณชิบ!!!

แถมๆๆๆ ภูมิแพ้ยังมากำเริบเอาง่ายๆ เพราะอากาศมันแห้งอีก เอาเข้าไป นอนอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่ามั้ยเนี่ย