Archive for เรื่องส่วนตัว ครับ

ถึงเวลาที่ต้อง “เลือกทางเดินชีวิต” แล้วสินะ

ปีนี้ก็อายุ 20 แล้ว คงต้องออกมาสู่โลกอันแสนโหดร้ายด้วยตัวคนเดียวซักที แต่คาดว่าคงต้องอดทนไปถึงจนตอนไปจับใบดำใบแดงเมษานี้นั่นแหละ ถึงจะเป็นอิสระซักที (สมัครงานก็ไม่ได้ เขาจะเอาพวกที่พ้นภาระทางทหารแล้ว ซึ่งเรายังเหลืออีก 2 เดือนกว่าๆ)

หลังจากนี้ ก็คงต้องหนีแม่ไปอยู่คนเดียวซักที พ่อบอกว่าจะหาที่อยู่ให้ผม คงเป็นห้องเช่าแถวๆ นั้นแหละ ไม่รู้จะขอพ่ออยู่บ้านเขาด้วยได้หรือเปล่า จะได้ไม่เสียค่าเช่า 5555+

คุณพี่บอกผมว่า การแลกสัญญา หากอีกฝ่ายผิดสัญญากับเรา สัญญาที่เราให้ไว้ก็ถือเป็นโมฆะเช่นกัน ไม่ถือว่าเราผิดสัญญาอะไร ไม่ต้องคิดมาก ซึ่งผมให้สัญญากับแม่ไว้ว่า มีรายได้จะเลี้ยงดูแม่ แต่แม่ก็สัญญากับผมไว้ว่า จะเลิกเล่นการพนัน ซึ่งผมให้โอกาสแก 2 ครั้ง แกก็ทำไม่ได้…

คงถึงเวลาที่ต้องออกไปซักที ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า สิ่งที่ผิดพลาดจากการตัดสินใจของผมเองนั้น ผมจะขอยอมรับมันอย่างเต็มใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดจากคนอื่น โดยที่เราไม่มีความผิด แล้วมาเดือดร้อนเรา แบบนี้ผมรับไม่ได้หรอกครับ

Mission Accepted!
ยกเลิก Mission อัตโนมัติ เมื่อจับได้ใบแดงในวันที่ 7 เมษายน
การยกเลิก: สามารถยกเลิกได้ก่อนวันที่ 10 เมษายน (กรณีไม่ถูกยกเลิกในเงื่อนไขข้างต้นก่อน) หลังจากนั้น ไม่สามารถยกเลิกได้…

ชีวิตนี้ คงเจอแต่เรื่องแบบนี้

อ่านผมบ่นกันมาเยอะ อย่าเพิ่งรำคาญกันนะเอ้อ 5555+

นี่คงเป็น 1 ในเรื่องที่ผมคิดมาก จนเก็บไปฝันกันเลย ถึงภายนอกดูเหมือนจะปลงแล้ว แต่ในใจก็คิดอยู่ตลอด (ฝันแล้วฝันอีก เป็นตุเป็นตะเลย)

ขนาดในฝัน ยังฝันว่าคอมเม้นเถียงกันไปๆ มาๆ กับแฟนที่ทิ้งไปแล้วในเฟสบุ๊ก (ชีวิตมุงจะมีแต่เรื่องคอมสินะ) แต่ยังไม่ไปถึงใหน ก็ตื่นขึ้นมาเองก่อนซะอย่างงั้น โดยไม่มีใครรบกวน ปกติตอนฝันดีๆ ทีไร ชอบมีเรื่องรบกวนจนทำให้ตื่นทุกที พับแผ่สิ

แต่ก็แอบคุยกับคุณพี่ (ที่มาเยี่ยมพอดี) ถึงเรื่องนี้อยู่บ้างเหมือนกัน คิดไปคิดมาผมก็โกรธเขาเหมือนกัน โกรธที่ว่า ทำไมเขาถึงทำกับเราแบบนี้? ทั้งๆ ที่เราก็ดูแลเขาอย่างดี อยากได้อะไรก็หาซื้อให้ ตามใจเขาทุกอย่าง พูดแล้วแอบร้องไห้ = =

แต่ก็แอบเห็นประโยคเด็ดของตัวเองฝันเหมือนกัน ยังข้องใจเลยว่าคิดได้ไงวะ 5555+ พิมพ์ไปยาว แต่จำไม่ค่อยจะได้หลังตื่นมา รู้แต่ว่ามันหมายความว่ายังไงอยู่

หลังจากนั้น ก็อารมณ์โกรธเข้าครอบงำ อารมณ์ชั่ววูบก็คง “ต้องเอาคืน” แต่โดนตบหน้าฉาดใหญ่โดยคุณพี่ที่อ่านใจเก่งมาก (ทักษะนี้ก็ได้มาจากเขาแหละ แต่เขาเก่งกว่าผมอีก) แล้วเขาก็พูดกับผมประมาณนี้

“กรูรู้ว่าเมิงคิดอะไร แค่ผู้หญิงทิ้งคนเดียว เขาทำกับเมิงแค่นี้ แต่สิ่งที่เมิงกำลังจะทำ มันทำลายชีวิตเขาทั้งชีวิต คิดจะใช้ความสามารถที่ภูมิใจนักหนา ทำลายชีวิตคนๆ นึงเลยหรอ?”

แล้วก็พูดอีกหลายๆ ประโยคเด็ด แต่ยกตัวอย่างมาแค่นี้พอ

ทำให้ผมหยุดคิดได้ และกลับมานั่งสงบสติอารมณ์ต่อ ถึงกับเข้าใจอารมณ์ของพ่อผมที่เกือบจะฆ่าแม่ของผมเพราะตอนแม่ของผมไปมีคนใหม่เลย

ผมจะปลงแบบนี้ไปได้อีกนานหรือเปล่า??

ใกล้จะได้เข้าสู่โหมด “โลกส่วนตัว” อีกครั้งแล้วสินะ

ป.ล บทความนี้ทำฉบับร่างไว้ตั้งแต่ปีใหม่ เพิ่งจะมาได้เขียน

เอาล่ะ วันนี้ปีใหม่ ยังไงก็ขอสวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่านครับ

ก่อนจะมาติดตามตอนนี้ เรามาย้อนความกันก่อนดีกว่า เพราะว่าแต่ก่อนนั้นผมเป็นคนที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง ถึงสูงมากกันเลยทีเดียว ซึ่งคอมพิวเตอร์ ก็คือโลกของผมนั่นเองครับ เอาน่ะ โปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่ โลกของเขาก็คือเมาส์ กับคีย์บอร์ดอยู่แล้วแหละน่า

สมัยก่อน ผมมีเพื่อนในชีวิตจริงๆ แทบจะนับคนได้เลย ชอบทำอะไรอยู่คนเดียว สมัยเรียนก็ซื้อข้าวมานั่งกินคนเดียว คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คนไอเพื่อนรอบข้างหาว่าเราชอบนั่งเหม่อตอนเรียน ครับ ยอมรับ -_- ทำให้เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยจะได้ซักเท่าใหร่ จะมีบ้างก็พวกเพื่อนผู้หญิงที่มาคุยด้วย บางครั้งก็เลยออกจากโหมดโลกส่วนตัวชั่วคราว เพราะผมก็ไม่ได้มีนิสัยที่จะเอาโลกของผมไปยัดเยียดให้ใครเขารู้หรอก (แต่เอ๊ะ ไม่รวมคนกำลังอ่านเอนทรี่นี้เนอะ :P)

เอาล่ะ เข้าเรื่องกันต่อ เดี๋ยวผมพานอกเรื่องซะก่อน

ผู้หญิงในชีวิตจริง สำหรับผมนี่ เป็นเรื่องน่าเบื่อเลยทีเดียว หลังจากยอมเปิดใจคบคนปัจจุบัน สุดท้ายก็โดนทิ้ง (หรอ?) อีกแล้ว ไม่ว่าผมจะทำดีให้แค่ใหน ไม่ว่าผมจะให้อะไรไปมากเท่าใหร่ สุดท้ายก็เป็นแบบนี้กันทุกคน หายเงียบไปจากผมโดยไร้สาเหตุ คิดจะทิ้งก็ทิ้งกันโดยไม่บอกเลิกให้มันเป็นเรื่องเป็นราวเลยหรอ? ไม่รู้นะว่าทุกครั้งที่เขาจิ้ม iPhone 5 ที่ผมให้ไปโดยไม่คิดตังซักบาทนั้น จะกระดากมือบ้างมั้ย

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับของขวัญปีใหม่ “ความเงียบงัน” นะครับ ตั้งแต่ปีใหม่ ทัก line ไปคุณก็ไม่เคยตอบผมมาเลย โกรธอะไรผมล่ะ? ทำไมไม่พูดออกมา? เงินที่ยืมไป 2500 บอกจะคืนสิ้นปี หายเงียบ เห็นว่าเดือดร้อน (แต่ไม่เชื่อครึ่ง) ก็ยอมลงทุนควักเงินเก็บผมให้ไปก่อน โอเค ยังไงก็ยังไม่โกรธเท่าความเงียบตอนนี้

นี่คือคำถามที่ผมอยากจะถาม
– คุณไม่ยอมมาเจอผมตั้งแต่ต้นเดือนตุลาแล้ว ไม่อยากมาเจอ? ไม่อยากให้เห็นอะไรงั้นหรอ? งาน Meeting ที่ผมอุส่าออกค่าเข้าให้ แต่คุณกลับไม่ยอมมาเนี่ย ผมเสียเงินเปล่านะครับ เคยรู้กันบ้างมั้ย?
– ใหนจะงาน ATC และวันเกิดผมอีก รับปากอย่างดีว่าจะมา ถึงเวลากลับไม่ว่าง? ข้ออ้างเหมือนคนก่อนๆ เปี๊ยบ คิดว่าผมไม่รู้?
– อื่นๆ อีกเยอะ พิมพ์ในนี้จะหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้

ถึงจะผ่านการมีแฟนมาแค่ 3 คน ก็คงยังเอาไปเทียบกับผู้หญิงทั้งโลกไม่ได้สินะ ว่าเขาเป็นเหมือนกันหมด แต่ทุกคนที่ผมเจอมา ทำไมเป็นแบบนี้ทุกคนเลย? แรกๆ นัดไปใหนก็มา แต่หลังๆ ไม่ว่างตลอดเนี่ย มันหมายความว่ายังไงครับ?

คิดแล้วขึ้นจริงๆ เครียดเรื่องแม่ก่อหนี้ให้กรูต้องไปใช้ เดือดร้อนตังกรูก็มากพอแล้ว ยังต้องมาเครียดเรื่องของคุณอีก

ต่อแต่นี้ผมก็จะให้สัญญากับตัวเอง ว่าจะไม่ยอมรับใครเข้ามาง่ายๆ อีกแล้ว ขออยู่ในโลกที่ผมมีความสุข ถึงแม้จะไม่ใช้โลกแห่งความจริงจะดีกว่า

เธอไม่มีเวลาหรือผมว่างมากเกินไป

เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะเขียนหรอกเรื่องนี้ (แต่ก็เขียนจนได้นะแก) แต่ถ้าเก็บไว้ มีแต่จะทำให้ผมเครียดซะเปล่าๆ แต่ก็นะ ดึกขนาดนี้จะไปรบกวนใครเขามาฟังปัญหาชีวิตก็คงใช่เรื่อง (เช้าแล้วแหละไม่ใช่ดึก) แต่ผมว่า ถ้าคนอ่านมาอ่านๆ เรื่องนี้เข้า คงจะบ่นอุบแหงๆ ว่ามุงจะเล่าแต่เรื่องเดิมๆ ทำไมวะ = = แล้วก็คงจะเมินหน้าหนี แต่เอาเถอะ ถ้ามีเหตุการทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อย ก็จะเขียนบ่อยขึ้น (เอ๊ะ ยังไง?) ยังไงผู้อ่านก็อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนล่ะ ฮ่าๆ (กด อ่านต่อ เลย เดี๋ยวรกหน้าแรก)

Read more

ความทรงจำสีจาง กับรูปถ่ายหนึ่งใบ

เช้านี้ไม่รู้มีอารมณ์ศิลปินยังไง ถึงมานั่งเขียนบล๊อกได้เนี่ย ฮ่าๆ ความจริงวันนี้นั่งจัดห้อง แล้วเอากระเป๋าผ้าที่แขวนไว้เก็บของจิปาถะทั้งหลายข้างๆ จอมอนิเตอร์ผมไปซัก แล้วรอมันแห้งแค่นั้นเอง แต่กระเป๋าก็นะ กันน้ำผ่าน มันเลยแห้งยากซักหน่อย สภาพของที่เคยอยู่ในกระเป๋า นอกจากขนไปทิ้งบ้างแล้ว ยังกองๆ สุมๆ กันอยู่บนที่นอนอยู่เลย (กรูจะได้นอนมั้ย??) เอาล่ะ นอกเรื่องกันมาละ เข้าเรื่องๆๆ

คุณเคยมีเพื่อนแบบนี้มั้ยครับ? คนที่ไม่สามารถนึกเรื่องราวต่างๆ ออกมาเป็นภาพได้ ไม่สามารถจินตนาการอะไรออกมาเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ ใช่ครับ ผมเป็นคนประเภทนั้น ผมอาจมีปัญหานิดหน่อย ทำให้สูญเสียความสามารถในการดึงภาพจากความทรงจำออกมา และไม่สามารถจินตนาการอะไรออกมาเป็นภาพได้ แต่ถ้าเป็นเสียง หรือพวกข้อมูล พวกตัวหนังสืออะไรพวกนี้ ไม่มีปัญหาครับ

หลายคนอาจคิดว่าดี แต่สำหรับผม มันทรมานสุดๆ ครับ เพราะรู้ว่าพ่อแม่ตัวเองหน้าตาเป็นยังไง แต่ไม่สามารถนึกหน้าท่านออกมาได้ ถ้าไม่ดูรูปถ่าย และหน้าตาของเพื่อน คนรัก ประมาณว่า ผมรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง แต่ก็นึกออกมาให้เห็นภาพไม่ได้ หลายๆ คนคงจะร้องอ๋อแล้วว่า ทำไมผมถึงชอบถ่ายรูป และอยากถ่ายรูปเก็บไว้ให้มากที่สุด ใช่ครับ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ลืมหน้าเพื่อนคนสำคัญ คนรักของผม และคนอื่นๆ

ตอนนี้หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ในเมื่อผมมองไม่เห็นภาพในจินตนาการ ทำไมผมถึงวาดรูปสวยจัง พวกเมะ การ์ตูน? อันนั้นมีคำตอบครับ ความจริง ผมเป็นคนไม่ค่อยเก่งวาดรูปนัก แต่ในเมื่อผมอยากจะวาดเล่นๆ เก็บไว้ แต่หัวก็จำอะไรที่เป็นภาพไม่ได้เลย เลยต้องเปลี่ยนเทคนิคการจำนิดหน่อย เช่น ค่อยๆ วาดไปทีละส่วน โดยใช้วิธีจำว่า เส้นตรงนี้ลากไปทางซ้ายประมาณกี่ข้อนิ้ว โค้งประมาณใหน ซึ่งคล้ายๆ กับวิธีลอกลายออกมาจากแบบดีๆ นั่นแหละ ถ้าคนเห็นผมวาด (ซึ่งคงไม่มี) ก็จะเห็นว่าผมหันไปมองแบบบ่อยๆ ลาก 1 เส้นหันไปมองแบบ 3-4 รอบ (เพราะจำเป็นภาพไม่ได้ เลยจำเป็นประมาณว่า เส้นนี้ลากไปทางใหน ถึงตรงใหน)

ด้วยเทคนิคการจำแบบเส้น ทิศทางของเส้น ทำให้พอทดแทนความสามารถในการจำภาพที่สูญเสียไปได้ ซึ่งถ้าจินตนาการ มันก็จะออกมาคล้ายๆ เส้นร่างในพิมพ์เขียวของ AutoCAD นั่นแหละครับ โดยการลากเส้นไปๆ มาๆ บนกระดาษจนเกิดเป็นรูปขึ้นมา แต่ก็เป็นภาระกับสมองผมจริงๆ เพราะกว่าจะนึกแต่ละรูปได้ ลากแล้วลากอีก ฮ่าๆ

รูปถ่ายหนึ่งใบที่เก็บไว้ในกล่องๆ หนึ่ง สิ่งที่ผมจะทิ้งก็เสียดาย จะเก็บไว้ก็ไม่อยากเก็บ อยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลายๆ คนคงจะเป็นแบบผมกัน รูปถ่ายใบนั้นอาจจะสำคัญกับผมมากจนไม่อยากทิ้ง หรือบางที มันก็เป็นรูปถ่ายของคนที่ผมเกลียดที่สุด ที่ผมอยากจะทิ้งๆ มันไป ไม่รู้สิ ผมเองก็ไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ แต่ก็นะ ผมก็คงไม่มีวันเปิดมันออกมาดูอยู่แล้ว (นอกจากหยิบของที่จำเป็นจากกล่องที่ว่า พอดีเก็บนามบัตรไว้ในนั้น)
รูปถ่ายใบหนึ่ง ที่เคยเปลี่ยนให้ผมเป็นอีกคนหนึ่ง
รูปถ่ายใบหนึ่ง ที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน
รูปถ่ายใบหนึ่ง ที่เคยมีความทรงจำต่างๆ ร่วมกัน

ถึงผมอยากจะลืมมันไป แต่พี่ชายผมก็บอกว่า….
จะลืมไม่ได้เด็ดขาดนะ เพราะถ้าเราลืมมันไป ก็เท่ากับเราไม่ยอมรับในอดีตของตัวเอง และถ้าเราไม่มีอดีตของเรา เราก็จะไม่มีปัจจุบัน และอนาคต เพราะอดีตคือบทเรียน ปัจจุบันคือสิ่งที่เราเลือก อนาคตคือบทเรียน รวมกับสิ่งที่เราเลือก รวมเป็นอนาคตของตัวเอง คนที่ไม่ยอมรับในอดีตของตัวเอง ก็เหมือนไม่ยอมรับในตัวตนของตัวเอง เพราะฉะนั้น น๊อตห้ามลืมมันไปเด็ดขาด