ขอเกริ่นก่อนนะครับ ที่ผมหมายถึงคือ สมองคนที่ทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน เทียบกับคอมแล้วก็ประมาณ Multi Threading แหละครับ เด็กไทยมีคนที่มีสมองประเภทนี้หลายคน แต่มักถูกผู้ใหญ่มองว่าสมาธิสั้น (เพราะอาการคล้ายๆ กัน) ไม่สนใจการเรียน สาเหตุเพราะอะไร? เพราะคนเหล่านี้ ทำงานเพียงอย่างเดียว “ไม่ได้” ครับ จำเป็นต้องมีงานอีกอย่างเข้ามาให้คิดด้วย ก็เลยดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเรียน ทั้งๆ ที่เขาก็เรียนอยู่นั่นแหละ โดยส่วนตัว ผมนับถือเขา หรือคนประเภทนี้ว่าเก่งครับ (ผมก็เป็น 1 ในนั้น /me เหมือนหลงตัวเองเลยเนอะ) ถึงแม้ผู้ใหญ่จะมองเขาว่าไม่ดี แต่สมองของคนประเภทนี้มีประโยชน์ในหลายๆ ด้านที่คนปกติทำไม่ได้ครับ ขอยกตัวอย่างในสายงานโปรแกรมเมอร์ของผมก็แล้วกัน
ในขณะที่ผมทำ coding อยู่นั้น ผม หรือคนอื่นๆ ที่คล้ายๆ กัน จะสามารถเขียนโปรแกรม พร้อมกับคำนวนผลลัพธ์ของโปรแกรมในสมองไปด้วย ในขณะที่ยังไม่รันโปรแกรม หรือไม่ก็ วาด Flow Chart แล้วเขียนโปรแกรมลงตรงนั้นเลยสดๆ ซึ่งคนทั่วไปทำแบบนี้ไม่ได้ (เถียงสินะ?) งั้นลองมาดูข้อต่อไปนี้ ว่าคุณทำได้หรือเปล่า?
1.คิดผลลัพธ์ของโปรแกรม ว่าจะออกมายังไง ก็สามารถเขียนโปรแกรมแบบนั้นได้เลย
2.สามารถคอมไพล์แล้วแทบจะไม่พบ Error ใน logical ของโปรแกรม (คนปกติคอมไพล์แล้วคอมไพล์อีก)
3.สามารถเขียนโปรแกรมไป และรู้ผลลัพธ์ของการทำงานนั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้อง run โปรแกรมขึ้นมา (มี Interpreter ในสมอง)
ถ้าคุณทำได้ คุณเป็น 1 ในผู้มีสมอง Multi Threading แล้วครับ (มีโอกาสที่จะเป็นถึง 20% หาไม่ยากหรอกครับ เพราะคุณก็อาจจะเป็นโดยไม่รู้ตัวเองเลยก็ได้)
แต่ข้อเสียของคนประเภทนี้ ก็มีนะครับ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย โดยจะไม่สามารถทำงานที่ต้องจดจ่ออะไรนานๆ ได้ เช่น เขียนหนังสือ หรือ ลอกข้อความจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ฯลฯ ครับ
ขอบอก ณ ที่นี้ว่า หากคุณเจอคนประเภทนี้ อย่าดูถูกว่าเขาสมาธิสั้นนะครับ เขานี่แหละ เก่งตัวจริงเลย
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น